เรียน ท่านผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสีย ทุกท่าน

ปี 2564 เป็นอีกปีที่ท้าทายต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ เนื่องจากโรคติดเชื้อโควิด-19 ยังคงมีการแพร่ระบาดทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯ ต้องปรับรูปแบบการทำงานให้ยืดหยุ่นสามารถเปลี่ยนไปตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และบริษัทฯ ก็สามารถขับเคลื่อนภารกิจได้สำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ ทั้งเป้าหมายกำลังการผลิต เป้าหมายธุรกิจใหม่ เป้าหมายผลการดำเนินงาน เป้าหมายทางการเงิน และเป้าหมายด้านความยั่งยืน

ให้ความสำคัญสุขอนามัยและความปลอดภัยของพนักงานและช่วยเหลือสังคมในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19

บริษัทฯ ได้กำหนดมาตรการต่าง ๆ ช่วยคุ้มครองและป้องกันผู้ปฏิบัติงานให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อและมีการสร้างเสริมสุขภาวะที่ดี ผ่านวัคซีนทางเลือกและระบบประกันสุขภาพอย่างเหมาะสม และปฏิบัติตามระเบียบข้อกำหนดด้านสาธารณสุขของทางราชการอย่างเคร่งครัด รวมถึงจัดให้โรงไฟฟ้าเป็นพื้นที่ควบคุมและจัดสถานที่พักให้กับผู้ปฏิบัติงานในโรงไฟฟ้าที่ปลอดจากความเสี่ยงการติดเชื้อ ให้ข้อมูลข่าวสาร ข้อแนะนำ คำปรึกษา ความช่วยเหลือแก่พนักงานและครอบครัวที่อยู่ในภาวะเสี่ยงและติดตามอย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังจัดหาและสนับสนุนสิ่งจำเป็นที่จะอำนวยความสะดวก ช่วยเสริมประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการทำงานที่บ้านหรือภายนอก สำนักงานทุกที่ ทำให้บริษัทฯ สามารถจัดการและควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดภายในสำนักงานได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ผู้ปฏิบัติงาน มีความเชื่อมั่น มีขวัญ และกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ อันเป็นส่วนผลักดันจนทำให้บริษัทฯ ประสบผลสำเร็จในที่สุด

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้การช่วยเหลือชุมชนและสังคมด้วยการสนับสนุนทางการเงิน อุปกรณ์ทางการแพทย์ และสิ่งของต่าง ๆ ที่จำเป็นแก่สถานพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ หน่วยงาน และชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อเป็นกำลังใจและช่วยบรรเทาความเดือนร้อนจากผลกระทบของโควิด-19 ด้วย

สร้างสมดุลการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและคุณค่าด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม

บริษัทฯ ตระหนักดีว่า ธุรกิจผลิตไฟฟ้าซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ กำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนอันเป็นผลมาจากภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก คณะกรรมการและฝ่ายบริหารของบริษัทฯ ได้ร่วมกันทบทวนและปรับกลยุทธ์และเป้าหมายการลงทุนในระยะกลาง และระยะยาว โดยพิจารณาธุรกิจที่มีศักยภาพที่เป็นโอกาสการลงทุนของบริษัทฯ โดยเฉพาะธุรกิจด้านพลังงานทดแทน และ ธุรกิจคาร์บอนต่ำ ปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตให้ถึง 2,500 เมกะวัตต์ หรือร้อยละ 25 และ 4,000 เมกะวัตต์ หรือ ร้อยละ 40 ในปี 2578 ตามลำดับ อีกทั้งยังมุ่งหมายจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจนอกภาคการผลิตไฟฟ้าให้ถึงร้อยละ 20 ของเงินลงทุนทั้งหมด นอกจากนี้ ยังได้จำกัดเพดานการลงทุนกำลังผลิตจากเชื้อเพลิงถ่านหินไม่ให้เกิน 2,000 เมกะวัตต์ หรือร้อยละ 20 ของกำลังการผลิตเป้าหมายรวม

ในปี 2564 โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาดใหญ่ 2 แห่งในออสเตรเลีย กำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้นรวม 377 เมกะวัตต์ ได้ผลิตไฟฟ้าจำหน่ายเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการ ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมอีก 1 แห่งในเวียดนาม กำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้นรวม 15 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการก่อสร้างและมีกำหนดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในปี 2565 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เพิ่มการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังน้ำอาซาฮาน 1 กําลังการผลิตติดตั้ง 180 เมกะวัตต์ ในอินโดนีเซีย ด้วยการถือหุ้นทางอ้อมร้อยละ 47.89 ทำให้จนถึงสิ้นปีนี้ บริษัทฯ รับรู้กำลังการผลิตพลังงานทดแทนตามสัดส่วนการลงทุนรวม 1,346 เมกะวัตต์ คิดเป็นร้อยละ 14.8 ของกำลังการผลิตติดตั้งรวม 9,115 เมกะวัตต์

ปีนี้บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาและลงทุนนวัตกรรมด้านไฟฟ้าและพลังงานอย่างจริงจัง โดยร่วมทุนร้อยละ 30 กับกลุ่มการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กลุ่ม กฟผ.) จัดตั้งบริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด เพื่อยกระดับงานวิจัยด้านนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ของกลุ่ม กฟผ. ให้เป็นธุรกิจเชิงพาณิชย์ พร้อมทั้งลงทุนในสตาร์ทอัพ และธุรกิจคลื่นลูกใหม่ด้านพลังงานที่มีการเติบโตสูง บริษัทดังกล่าวถือเป็นการสร้างโอกาสจากความเสี่ยงการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมพลังงาน และเป็นการเข้าสู่ธุรกิจสีเขียวอย่างจริงจังด้วย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจโรงพยาบาลและบริการสุขภาพ ซึ่งเป็นความจำเป็นพื้นฐานและมีแนวโน้มเติบโต ตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เพิ่มความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้นอันเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสภาวะสังคมผู้สูงอายุ โดยในปี 2564 นี้บริษัทฯ ประสบความสำเร็จจากการลงทุน 2 ธุรกรรม ได้แก่ การร่วมทุนร้อยละ 10 ในบริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) ซึ่งดำเนินงานโรงพยาบาลจำนวน 12 แห่งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด และการร่วมทุนร้อยละ 9.91 ในบริษัท บางกอก เชน อินเตอร์เนชั่นแนล (ลาว) จำกัด ที่ดำเนินงานโรงพยาบาลเอกชนขนาด 254 เตียง ใน สปป.ลาว

บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า แนวทางและเป้าหมายดังกล่าวนี้จะทำให้มูลค่ากิจการของบริษัทฯ และห่วงโซ่อุปทานเติบโตต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสังคมอีกด้วย

มุ่งเป้าหมายสู่อนาคตที่ยั่งยืน

บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างมูลค่าใน 3 มิติ ทั้งเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม ภายใต้ 3 กลยุทธ์หลัก นั่นคือ Growth Strategy, Green Strategy, Generate Strategy โดยมีเป้าหมายสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ การเติบโตในธุรกิจผลิตไฟฟ้า โดยเฉพาะพลังงานทดแทน การสร้างศักยภาพและเติบโตในธุรกิจนอกภาคการผลิตไฟฟ้าที่ส่งเสริมสังคมคาร์บอนต่ำและตอบสนองเศรษฐกิจยุคดิจิทัล การสร้างสมรรถนะของพนักงานเพื่อรักษาขีดความสามารถและความเป็นผู้นำขององค์กร พัฒนาความเป็นหุ้นส่วนกับทุกภาคส่วนในการดำเนินธุรกิจ และความร่วมมือในด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม ยกระดับมาตรฐานด้านความยั่งยืน โดยเฉพาะประเด็นสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ที่ผู้มีส่วนได้เสียให้ความสำคัญ

อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ยังคงเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 อย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินธุรกิจของ บริษัทฯ ในทุกพื้นที่ภูมิศาสตร์จะเดินหน้าได้ต่อเนื่อง สามารถพัฒนา และเติบโตได้อย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง

สุดท้ายนี้ บริษัทฯ ต้องขอขอบคุณผู้ถือหุ้น คณะกรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน ผู้มีส่วนได้เสีย ที่ได้ให้ความร่วมมือ สนับสนุน และ ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์มาอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ ยืนยันที่จะขับเคลื่อนราชกรุ๊ปให้เติบโตและยั่งยืนต่อไป


(นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร)
ประธานกรรมการ